เคล็ดลับดูแลน้องหมา

พารู้จักไร 3 ชนิดพบบ่อยในน้องหมา เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

พารู้จักไร 3 ชนิดที่พบบ่อยในน้องหมา
 

มาทำความรู้จัก ไร 3 ชนิดอันตรายที่สร้างปัญหาสุขภาพผิวกายของน้องหมา

ถึงจะเป็นไรเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันที่ชนิดและส่งผลต่อสุขภาพได้ต่างกัน และมักจะส่งผลต่อผิวหนังและร่างกายของน้องหมาให้เกิดปัญหาน่าปวดหัว แถมยังสามารถทำให้เกิดโรคอื่น ๆ แทรกซ้อนตามมาได้อีกด้วย

 

โดยไรที่จะกล่าวถึงมีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ ไรขี้เรื้อนเปียก ไรขี้เรื้อนแห้ง ไรหู ซึ่งไรทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นปรสิตภายนอกเหมือนกัน สร้างปัญหาให้กับผิวหนังได้เหมือนกัน แต่มีสาเหตุ อาการ และการติดต่อของโรคแตกต่างกันดังนี้

  

1.ไรขี้เรื้อนเปียก (Demodex) 

เป็นปัญหาที่เจ้าของกังวลมากเป็นอันดับต้น ๆ เพราะส่งผลต่อผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด พบการเกิดโรคได้บ่อย โดยไรขี้เรื้อนชนิดนี้พบได้เป็นปกติในรูขุมขนของน้องหมา ซึ่งมักจะได้รับถ่ายทอดมาจากแม่ แต่ไรขี้เรื้อนเปียกปกติแล้วจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือเรียกว่าอยู่อย่างเป็นมิตร แต่ถ้าน้องหมามีความผิดปกติของร่างกาย ผิวหนังมีปัญหา หรือภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ไรขี้เรื้อนเปียกก็จะเพิ่มจำนวนมากจนผิดปกติ ส่งผลให้เกิดขนร่วง มักมีกลิ่นตัวแรง มีผิวเยิ้มแฉะ เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและยีสต์แทรกซ้อนเพิ่มได้ง่าย
การรักษาสามารถทำได้โดยการให้ยาเพื่อกำจัดและลดจำนวนไร พร้อม ๆ กับการทำให้ร่างกายแข็งแรง รวมถึงทำการรักษาโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่มักเกิดแทรกซ้อนไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งหลังจากการรักษาต้องหมั่นดูแลสุขภาพและความสะอาด และทำการป้องกันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรคนี้สามารถกลับมาเกิดซ้ำได้ไม่ยาก

 

2.ไรขี้เรื้อนแห้ง (Sarcoptic) 

มักจะทำให้น้องหมามีอาการคันรุนแรง เกาจนขนร่วง เป็นแผล เป็นตุ่ม มีสะเก็ดและผิวลอก เนื่องจากตัวไรขี้เรื้อนแห้งจะขุดโพรงเข้าไปที่ชั้นผิวหนัง และไรตัวเมียจะขุดโพรงเพื่อวางไข่ จึงทำให้น้องหมาคันได้ตลอดเวลา บริเวณที่พบอาการได้บ่อยคือขอบใบหู ใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณระหว่างตาและหู ขา ลำตัว และสามารถกระจายได้ทั่วตัว
การติดต่อสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากการสัมผัสใกล้ชิด หรือการใช้ผ้า เบาะ หรือข้าวของเครื่องใช้ร่วมกัน ซึ่งการใช้ยาป้องกันปรสิตภายนอกมีความสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคนี้ สำหรับการรักษาอาจต้องใช้เวลาเพื่อให้อาการทางผิวหนังค่อยๆ ดีขึ้นด้วย โดยระหว่างการรักษาและภายหลังการรักษา ควรดูแลเรื่องความสะอาด สุขอนามัยให้ดี เนื่องจากการกลับมาติดโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้ทำการกำจัดปรสิตอย่างต่อเนื่อง

 

3.ไรหู (Ear mite) 

มักสร้างทั้งความรำคาญและการติดเชื้ออาจรุนแรงถึงขึ้นทำให้หูบวมได้ โดยไรชนิดนี้จะอยู่ในช่องหู ซึ่งต่างจากไรขี้เรื้อนแห้งที่มักจะอยู่บริเวณขอบใบหู เมื่อมีไรชนิดนี้เป็นจำนวนมากจะส่งผลให้เกิดอาหารคัน โดยไรหูจะกินเลือดและเศษผิวในช่องหู ส่งผลให้เกิดการระคายเคือง คัน มีขี้หูดำ บางครั้งพบหูอักเสบ มีกลิ่น หากเป็นน้องหมาที่ใบหูยาวอาจพบอาการน้ำเลือดคั่งในใบหู ทำให้หูพับตก นอกจากนี้ยังทำให้คันมาก จะพบน้องหมาเกาอย่างรุนแรง หรือพยายามเอาหูไปไถกับพื้นผิวต่าง ๆ จนอาจได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาได้
การรักษาสามารถทำได้โดยการใช้ยากำจัดปรสิต ควบคู่ไปกับการทำความสะอาดภายในช่องหูอย่างสม่ำเสมอ หากมีความเสี่ยงในการสัมผัสน้องหมาตัวอื่นก็ควรทำการป้องกัน และถ้าหากมีน้องหมาหลายตัวในบ้าน ก็ควรทำการป้องกันทุก ๆ ตัว เนื่องจากไรหูสามารถติดได้ง่าย และเจ้าของอาจสังเกตอาการพบเมื่อมีปัญหาแทรกซ้อน เช่น หูอักเสบ แล้ว

 

จะเห็นได้ว่า ไรทุกชนิดถือเป็นปรสิตภายนอกที่สามารถเกิดและติดต่อระหว่างสุนัขที่ป่วยได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแล้วหากเมื่อมีสุนัขตัวใดในบ้านป่วยด้วยโรคของไร สิ่งที่แนะนำคือรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษา 

 

Spectra for dog ร่วมปกป้องดูแลน้องหมาให้ปลอดภัย ครบจริง

 

ค้นหาโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกใกล้บ้าน เพื่อปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพน้องหมาที่คุณรัก หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @SpectraForDog

 

เรื่องที่คุณน่าจะสนใจ

5 ประสบการณ์ตรงโดยสัตว์แพทย์ ในการดูแลน้องหมาแบบครบจริง
คุยเรื่องน้องหมา ประสาคุณหมอ
5 ประสบการณ์ตรงโดยสัตว์แพทย์
ในการดูแลน้องหมาแบบครบจริง
น้องหมาอาจตาบอด หากไม่ป้องกันพยาธินัยน์ตา
เคล็ดลับดูแลน้องหมา
น้องหมาอาจตาบอด หากไม่ป้องกันพยาธินัยน์ตา
ทำไมอยู่ดี ๆ น้องหมาตาแดง เจ็บตาโดยไม่ทราบสาเหตุ ? ระวังให้ดี น้อง ๆ อาจกำลังทรมานจากการมีพยาธินัยน์ตาได้ !
เคล็ดลับดูแลน้องหมา
เลี้ยงน้องหมาระบบปิดก็มีพยาธิได้
กักตัวน้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่ปล่อยให้ไปเผชิญโลกภายนอกจะปลอดภัยจริงเหรอ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
คัดลอก URL แล้ว